ความเป็นมา
มาตรา 19 ของอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพขอให้พิจารณาถึงความจำเป็นที่จะต้องมีพิธีสารเพื่อกำหนดระเบียบวิธีการที่เหมาะสมในการขนย้าย
การควบคุมดูแล และการใช้ประโยชน์จากสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม (Living Modified Organisms: LMOs) ที่เป็นผลมาจากเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ หลังจาก
การเจรจาต่อรองเป็นหลายปี พิธีสารคาร์ตาเฮนาฯ ได้รับการรับรอง และมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2546
พิธีสารคาร์ตาเฮนาว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ เป็นเครื่องมือระหว่างประเทศที่มีพันธะผูกพัน (binding international instrument) มีลักษณะที่แยกส่วนแต่สัมพันธ์กับความตกลง อนุสัญญา และสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ซึ่งลักษณะของการแยกส่วนนี้ ทำให้มีภาคีสิทธิ และข้อกำหนดเป็นของตัวเอง และต้องมีการเจรจา
ลงนามให้สัตยาบันหรือภาคยานุวัติและมีผลบังคับใช้โดยเฉพาะในตัวเองเช่นกันโดยมีผลผูกพันเฉพาะกับประเทศที่เป็นภาคีเท่านั้น อย่างไรก็ตาม หากประเทศที่ไม่ได้เป็นภาคีมีการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับประเทศภาคี จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในพิธีสารด้วย
กลไกที่สนับสนุนการดำเนินงานตามพิธีสาร ได้แก่ การประชุมสมัชชาภาคีพิธีสารคาร์ตาเฮนาว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพตามอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (COP-MOP) โดยปกติจัดขึ้นทุก ๆ 2 ปี คู่ขนานไปพร้อมกันกับการประชุมสมัชชาภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
ลักษณะ
- เป็นเครื่องมือระหว่างประเทศที่มีพันธะผูกพัน (binding international instrument) มีลักษณะที่แยกส่วนแต่สัมพันธ์กับความตกลง อนุสัญญา และสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ซึ่งลักษณะของการแยกส่วนนี้ ทำให้มีภาคีสิทธิ และข้อกำหนดเป็นของตัวเอง และต้องมีการเจรจาลงนามให้สัตยาบันหรือภาคยานุวัติและมีผลบังคับใช้โดยเฉพาะในตัวเองเช่นกัน
- มีผลผูกพันเฉพาะกับประเทศที่เป็นภาคีเท่านั้น อย่างไรก็ตามหากประเทศที่ไม่ได้เป็นภาคีมีการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับประเทศภาคี จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในพิธีสารด้วย
- เกี่ยวข้องกับอนุสัญญาหรือสนธิสัญญาที่ให้กำเนิดและจะต้องปฏิบัติตามพันธกรณีที่กำหนดไว้ เช่น พิธีสารคาร์ตาเฮนาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพมีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพเป็นผู้ให้กำเนิด
- อาจมีการจัดทำกลไกเพื่อสนับสนุนการดำเนินงานตามพิธีสาร เช่น การประชุมสมัชชาภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพทำหน้าที่เป็นการประชุม สมัชชาภาคีพิธีสารคาร์ตาเฮนาว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพตามอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ (COP-MOP)
วัตถุประสงค์
พิธีสารคาร์ตาเฮนาว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ กำหนดวัตถุประสงค์ตามแนวทางระมัดระวังล่วงหน้า (precautionary approach) ตามที่ระบุไว้ในหลักการข้อ 15 ของปฏิญญาริโอ เดอจาเนโร สาธารณรัฐบราซิล ปี พ.ศ. 2535 ว่า
- ให้มีระดับการป้องกันที่เพียงพอในการเคลื่อนย้าย ดูแล และใช้ประโยชน์สิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมอันเนื่องมาจากเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ที่อาจมีผล กระทบที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพที่ยั่งยืนอย่างปลอดภัย โดยคำนึงถึงความเสี่ยงต่อสุขอนามัยของมนุษย์
- คำนึงถึงความเสี่ยงต่อสุขอนามัยของมนุษย์
- ให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการเคลื่อนย้ายข้ามแดน (transboundary movement)
ขอบเขต
- ควบคุมดูแลการเคลื่อนย้ายสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมข้ามพรมแดน (transboundary movement)รวมทั้งการนำผ่าน การขนส่ง และการใช้ประโยชน์สิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมที่มีการเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนซึ่งอาจมีผลกระทบที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลาย ทางชีวภาพอย่างยั่งยืน
- ไม่ครอบคลุมการเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดนของสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมที่เป็นเภสัชภัณฑ์สำหรับมนุษย์
สาระสำคัญ
พิธีสารฯ กำหนดกระบวนการในการพิจารณาใน 3 ประเด็นหลัก ได้แก่
- ความตกลงการแจ้งล่วงหน้า (Advance Informed Agreement-AIA) ควบคุมการเคลื่อนย้ายข้ามประเทศของสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมที่มีเจตนาปลดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม เพื่อให้ประเทศได้รับข้อมูลประกอบการตัดสินใจก่อนการเห็นชอบให้มีการนำเข้า (มาตรา 7-10)
- กระบวนการสำหรับสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมที่มีวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้เป็นอาหารหรืออาหารสัตว์ หรือใช้ในกระบวนการผลิต
– กำหนดให้แจ้งการตัดสินใจเกี่ยวกับการใช้ภายในประเทศ รวมถึงการวางจำหน่ายในท้องตลาด ผ่านทางกลไกการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารความปลอดภัยทางชีวภาพ (มาตรา 11)
– กำหนดให้มีเอกสารข้อมูลกำกับชัดเจนว่า “อาจประกอบด้วย” (“may contain”) สิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรม (มาตรา 18) - การประเมินความเสี่ยงและการบริหารจัดการความเสี่ยง และการใช้แนวทางระมัดระวังล่วงหน้า
– ให้มีการประเมินความเสี่ยงบนพื้นฐานและหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ก่อนการตัดสินใจ (มาตรา 15)
– จัดทำมาตรการ กลไกในการจัดการและควบคุมความเสี่ยงเพื่อบังคับใช้ในระดับที่จำเป็น และกำหนดมาตรการให้มีการประเมิน ความเสี่ยงก่อนการปลดปล่อยสู่สิ่งแวดล้อม (มาตรา 16)
นอกจากนั้น ยังกำหนดกลไกเพื่อสนับสนุนการดำเนินการเพื่อให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ อาทิ
- กลไกการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารความปลอดภัยทางชีวภาพ
– ให้มีการจัดตั้งกลไกการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารความปลอดภัยทางชีวภาพ เพื่ออำนวยความสะดวกในการแลกเปลี่ยน และสนับสนุนการเข้าถึงข้อมูลวิทยาศาสตร์ วิชาการ สิ่งแวดล้อม กฎหมาย และประสบการณ์ที่เกี่ยวข้อง (มาตรา 20) - การเสริมสร้างสมรรถนะบุคลากรและองค์กรด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ (มาตรา 22)
- ประเด็นของความรับผิดและชดใช้ความเสียหาย ที่ให้มีการเจรจาเพื่อกำหนดกฎและขั้นตอนปฏิบัติที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จภายใน 4 ปี (มาตรา 27)
- ข้อกำหนดสนับสนุนอื่นๆ อาทิ
– ความตระหนักและการมีส่วนร่วมของสาธารณะ
– ข้อพิจารณาด้านสังคมเศรษฐกิจ
– กลไกและทรัพยากรทางการเงิน
– การปฏิบัติตาม
– การประเมินผล
ความปลอดภัยทางชีวภาพกับอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ
อนุสัญญาอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพตระหนักถึงศักยภาพของเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ในเรื่องอาหาร เกษตรกรรม และสุขภาพ ขณะเดียวกันยังได้เน้นย้ำ ถึงความจำเป็นในการกำหนดระเบียบวิธีการในการควบคุมดูแลการใช้ประโยชน์สิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมที่เกิดจากเทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่โดยให้ภาคี
- จัดตั้งหรือธำรงรักษาวิธีการที่จะจัดระเบียบ จัดการหรือควบคุมความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการใช้ประโยชน์และการปลดปล่อยสิ่งมีชีวิตดัดดแปลง พันธุกรรมอันเนื่องมาจาก เทคโนโลยีชีวภาพสมัยใหม่ที่อาจมีผลกระทบที่เอื้ออำนวยต่อการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ อย่างยั่งยืน โดยคำนึกถึงความเสี่ยงต่อสุขอนามัยของมนุษย์ (มาตรา 8 วรรค g)
- เอื้ออำนวยและถ่ายทอดเทคโนโลยีรวมถึงเทคโนโลยีชีวภาพที่เกี่ยวข้องกับการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ อย่างยั่งยืน (มาตรา 16 วรรค 1)
- ดำเนินมาตรการเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการวิจัยด้านเทคโนโลยีชีวภาพและพิจารณาความจำเป็นที่จะต้องจัดทำพิธีสารเพื่อกำหนดวิธีการที่ เหมาะสม ในการแจ้งล่วงหน้ารวมถึงการเคลื่อนย้าย ดูแล และใช้ประโยชน์สิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมอย่างปลอดภัย (มาตรา 19)
วัน เดือน ปี | การดำเนินงาน |
---|---|
1-5 ตุลาคม 2555 | การประชุมภาคีพิธีสารฯ สมัยที่ 6 ณ เมืองไฮเดอราบาด สาธารณรัฐอินเดีย |
11-15 ตุลาคม 2553 | การประชุมภาคีพิธีสารฯ สมัยที่ 5 ณ เมืองนาโงยา ประเทศญี่ปุ่น |
12-16 พฤษภาคม 2551 | การประชุมภาคีพิธีสารฯ สมัยที่ 4 ณ กรุงบอนน์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี |
13-17 มีนาคม 2549 | การประชุมภาคีพิธีสารฯ สมัยที่ 3 ณ เมืองคูริติบา สหพันธ์สาธารณรัฐบราซิล |
8 กุมภาพันธ์ 2549 | พิธีสารฯ มีผลบังคับใช้ให้ประเทศไทยเป็นภาคี ลำดับที่ 128(90 วัน หลังการภาคยานุวัต) |
10 พฤศจิกายน 2548 | ประเทศไทยมอบภาคยานุวัตรสารฯ |
30 พฤษภาคม – 3 มิถุนายน 2548 | การประชุมภาคีพิธีสารฯ สมัยที่ 2 ณ นครมอลทรีออล ประเทศแคนาดา |
23-27 กุมภาพันธ์ 2547 | การประชุมภาคีพิธีสารฯ สมัยที่ 1 ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย |
11 กันยายน 2546 | พิธีสารฯ มีผลบังคับใช้ ( 90 วัน หลังจากได้รับเอกสารการให้สัตยาบันครบ 50 ประเทศ (มาตรา 37)) |
15 พฤษภาคม 2543 – 4 มิถุนายน 2544 | เปิดให้ลงนามในการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาฯ สมัยที่ 5ณ กรุงไนโรบี ประเทศเคนยา และสำนักงานใหญ่ขององค์การสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา |
29 มกราคม 2543 | พิธีสารฯ ได้รับการรับรองในการประชุมสมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ วาระพิเศษ ณ นครมอลทรีออล ประเทศแคนาดา |
พฤศจิกายน 2538 | สมัชชาภาคีอนุสัญญาว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ สมัยที่ 2 มีมติให้ตั้งคณะทำงานเพื่อยกร่างพิธีสารความปลอดภัยทางชีวภาพ |
ภาคีพิธีสารฯ
พิธีสารว่าด้วยความปลอดภัยทางชีวภาพ ได้รับการรับรองในวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2543 และมีผลบังคับใช้ เมื่อวันที่ 11 กันยายน พ.ศ.2546 ซึ่งเป็นเวลา 90 วันหลังจากได้รับสัตยาบันสารฉบับที่ห้าสิบ พิธีสารฯ กล่าวถึงการขนย้ายดูแลและใช้ประโยชน์อย่างปลอดภัยซึ่งสิ่งมีชีวิตดัดแปลงพันธุกรรมที่อาจส่งผลกระทบในทางลบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ โดยคำนึงถึง สุขภาพของมนุษย์ และเน้นเป็นพิเศษที่ประเด็นการเคลื่อนย้ายข้ามพรมแดน และได้จัดทำกระบวนการสำหรับความเห็นชอบที่ได้แจ้งล่วงหน้า (Advance Informed Agreement – AIA) ในการนำเข้าสิ่งมีชีวิตที่ได้รับการดัดแปลงพันธุกรรม โดยจงใจสู่สภาพแวดล้อมและผนวกหลักการป้องกันล่วงหน้า และกลไกการจัดการและวิเคราะห์ประเมินความเสี่ยง
“ ปัจจุบันมีภาคีพิธีสารฯ 173 ประเทศ (ณ เดือนมีนาคม 2567) สำหรับประเทศไทยเข้าเป็นภาคีพิธีสารฯ เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2549 ในลำดับที่ 128 ”
แหล่งที่มาข้อมูล :
1. https://chm-thai.onep.go.th/?page_id=3823
2. https://bch.onep.go.th/?page_id=50#1695889187797-56250e3b-95da